ในยุคที่การสั่งอาหารเดลิเวอรี่เป็นวิถีชีวิตใหม่ การเลือกกล่องอาหารที่เหมาะสม เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจ ร้านอาหารที่เข้าใจกลยุทธ์การเลือกกล่องอาหาร ย่อมมีโอกาสดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความประทับใจได้มากกว่าคู่แข่ง
สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ที่เข้าสู่วงการเดลิเวอรี่ มาทำความรู้จัก 7 กลยุทธ์ในการเลือกกล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต
1. กล่องที่ใช้วัสดุเหมาะสม
หน้าที่หลักของกล่องอาหาร คือ การรักษาคุณภาพอาหารให้คงความสดใหม่ ปลอดภัย ไม่ให้สิ่งแปลกปลอมมาเจือปน และไม่ทำให้อาหารหกเลอะเทอะ ดูน่ารับประทาน ดังนั้น กล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ควรเลือกที่ทำจากวัสดุแข็งแรง ทนทาน เก็บอุณหภูมิได้ดี ป้องกันการรั่วซึม และรักษาอุณหภูมิอาหารให้คงอยู่ได้นาน
2. รูปลักษณ์ดึงดูดสายตา
ความสวยงามของภาพอาหารที่จัดลงกล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ที่ปรากฏอยู่ในแอปพลิเคชัน ก็ถือเป็นด่านแรกที่ทำให้คนอยากซื้ออาหารจากร้านแล้ว ดังนั้น การเลือกกล่องอาหารที่ออกแบบสวยงาม น่าดึงดูดใจ จะช่วยสร้างความประทับใจแรกเห็น น่ากดสั่งได้มากยิ่งขึ้น หรืออาจเพิ่มลูกเล่นให้ดูโดดเด่นด้วยสีสัน ลวดลาย หรือข้อความที่สร้างสรรค์ จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากลองสั่งอาหารจากร้านได้ไม่ยาก
3. กล่องที่รักษาคุณภาพอาหารไว้ได้ดี
กล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ที่ดี นอกจากจะต้องสะดวก ทนทาน สวยงามแล้ว ยังต้องสามารถรักษาคุณภาพอาหารให้คงความสดใหม่ อยู่ได้นาน ด้วยการเลือกใช้กล่องอาหารที่มีช่องแยก 2-3 ช่อง สำหรับแยกข้าวและกับข้าว จะช่วยป้องกันอาหารหกเลอะเทอะ ป้องกันอาหารผสมปนกันระหว่างการขนส่ง ทำให้อาหารไม่เสียรสชาติ และช่วยเรื่องของการถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน
4. ทนความร้อนได้ดี
ในปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนนิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่ออนไลน์มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ลูกค้ากินไม่หมดในมื้อเดียว และเก็บไว้กินในมื้อถัดไป ดังนั้น ร้านค้าควรเลือกใช้กล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถนำไปอุ่นร้อนกับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการใช้กล่องใส่อาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น กล่องพลาสติกบางชนิดที่อาจหลอมละลายเมื่อถูกความร้อน หรือกล่องโฟมที่อาจปล่อยสารเคมีอันตรายเมื่อถูกความร้อน
5. สะดวกในการขนส่ง และการใช้งาน
การขนส่ง เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลใจในการสั่งอาหารออนไลน์มากที่สุด เพราะหากการขนส่งขาดความระมัดระวัง อาจทำให้อาหารเกิดความเสียหายได้ ซึ่งการเลือกใช้กล่องอาหารที่มีฝาปิดแน่นหนา จะช่วยป้องกันอาหารหกเลอะเทอะหรือรั่วไหลระหว่างการขนส่ง นอกจากนี้ กล่องอาหารควร แกะออกได้สะดวก เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปิดกล่องอาหารได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียเวลาแกะกล่องนาน
6. เลือกขนาดที่เหมาะสม
ขนาดของกล่องอาหารเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งความสะดวกในการใช้งานและประสบการณ์ของลูกค้า โดยควรเลือกกล่องอาหารที่มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณอาหาร ไม่เล็กจนอาหารล้นออกมาเลอะเทอะ และไม่ใหญ่จนเปลืองพื้นที่จัดเก็บ
ผู้ประกอบการสามารถเลือกซื้อกล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ขนาดมาตรฐาน ในราคาไม่แพง ที่เหมาะกับประเภทและปริมาณอาหาร หรือสั่งทำพิเศษ ในกรณีต้องการกล่องอาหารที่มีขนาดเฉพาะเจาะจง
7. สะท้อนเอกลักษณ์แบรนด์
กล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ร้านได้ ดังนั้น กล่องอาหารที่เลือกใช้ควรสื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีสันที่เลือกใช้ รูปแบบที่สื่อถึงสไตล์ของร้าน ตัวอักษรชื่อแบรนด์ และโลโก้ร้านที่โดดเด่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดความสนใจ เพิ่มการจดจำ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ร้านอาหารได้ไม่ยาก
การเลือกกล่องอาหารเดลิเวอรี่ที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ธุรกิจ ช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า กลยุทธ์ทั้ง 7 ข้อข้างต้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกกล่องอาหารที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารยุคใหม่ ขอแนะนำเลือกกล่องใส่อาหารเดลิเวอรี่ (Delivery) ที่ผลิตจากพลาสติก Food Grade คุณภาพสูง เลือกกล่องใส่อาหารจาก MMP ศูนย์รวมกล่องใส่อาหารจากพลาสติก PP เกรด A มีให้เลือกหลายขนาดและรูปทรง ฝากล่องแน่นสนิท หมดห่วงเรื่องรั่วซึม ไร้สารปนเปื้อนแม้สัมผัสความร้อน ปลอดภัยต่อผู้รับประทานอย่างแน่นอน สามารถสั่งซื้อสะดวกผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-741-8444 และ LINE Official @mmpcorp
แหล่งอ้างอิง
เลือกกล่องบรรจุภัณฑ์อาหารเดลิเวอรีดี ยอดขายก็ปัง. สืบค้นเมื่อ 27 พฤษภาคม 2567 จาก https://www.korprint.com/blog/how-to-choose-food-delivery-package/
Comments